วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559


เสร็จสิ้นไปอีกหนึ่งงาน ครับ สำหรับ งานวันวิชาการของ ร ร ต.ส. พวกเรา ม. 6/2 ขายของกันอย่างเมามัน ซึ่งของทุกอย่างของเราก็ขายจนหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือเลยแม้แต่อย่างเดียว สนุกมากๆครับ
ลุยส์ อัลเบร์โต ซัวเรซ ดีอัซ (สเปนLuis Alberto Suárez Díaz) เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1987 ที่เมืองซัลโต ประเทศอุรุกวัย เป็นนักฟุตบอลชาวอุรุกวัย ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ตำแหน่งกองหน้า
ซัวเรซ เกิด ณ เมืองซัลโต ประเทศอุรุกวัย ไม่นานนักครอบครัวได้ย้ายมาตั้งรกรากที่กรุงมอนเตวิเดโอ ที่นี่เองที่เด็กชายเติบโตขึ้นมาจากการเลี้ยงดูของมารดาเพียงลำพัง ร่วมกับพี่น้อง 6 คน ต่อมา ในปี ค.ศ. 2005 ซัวเรซ ได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรนาซีโอนัลในกรุงมอนเตวิเดโอ สโมสรที่ซัวเรซเล่นมาตั้งแต่ระดับเยาวชน เมื่ออายุถึง 19 ปี เขาจึงย้ายสโมสรเป็นครั้งแรกไปสู่สโมสรฟุตบอลโครนิงเงิน ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี 2006 และย้ายทีมอีกครั้งในปี 2007 ไปยังสโมสรชื่อดัง อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ในฤดูกาล 2008-09 ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสร และทำประตูเป็นดาวซัลโวของสโมสร ถึงแม้ว่าจะถูกทำโทษเนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีม และได้รับถึง 7 ใบเหลืองในฤดูกาลเดียว ในฤดูกาลนี้ เขายังได้เป็นกัปตันของอายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ยิง 35 ประตู จาก 33 นัด ในลีก ได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของลีกเนเธอร์แลนด์ ยิงรวมทุกถ้วย 49 ประตู ในฤดูกาล 2010-11 เขายิงให้อายักซ์ อัมสเตอร์ดัม ครบ 100 ลูก ทำผลงานเทียบชั้นตำนานของสโมสร อาทิ โยฮัน ไกรฟฟ์มาร์โก ฟัน บัสเติน และแด็นนิส แบร์คกัมป์ แต่ในฤดูกาลนี้มีเหตุการณ์อื้อฉาวคือ ซัวเรซ ไปกัดที่ไหล่ของนักเตะเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน ออตมัน บักกัล และถูกแบน 7 นัด[2] ระหว่างที่ถูกแบนในเดือนมกราคม 2011 สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลจากประเทศอังกฤษได้ซื้อตัวเขาในมูลค่า 26.5 ล้านยูโร นับแต่การมาของซัวเรซ ลิเวอร์พูลขยับจากอันดับที่ 12 ของตาราง ณ กลางเดือนมกราคม 2011 ไปจบที่อันดับ 6 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลโดยเป็นผู้เล่นที่เป็นกุญแจสำคัญของลิเวอร์พูล[3] และในฤดูกาลต่อมา เขาก็พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกคัพ สมัยที่ 8 ไปครอง ในเดือนเมษายน 2014 เขาก็ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ประจำฤดูกาล 2013-14
ในส่วนของการรับใช้อุรุกวัย ซัวเรซได้เป็นสมาชิกของทีมชุดยู 20 เข้าร่วมแข่งบอลโลก ยู 20 ประจำปี 2007 ในปี 2007 นี้เองซัวเรซได้ลงเล่นทีมชาติชุดใหญ่นัดแรกเจอกับ ทีมชาติโคลอมเบีย และทำประตูได้ แต่ก็โดนไล่ออกจากสนามเนื่องจากรับ 2 ใบเหลือง ในฟุตบอลโลก 2010 ซัวเรซ มีบทบาทสำคัญในทีมชุดนี้ที่ได้อันดับที่ 4 โดยทำประตูได้ 3 ลูกตลอดการแข่งขัน เขาเรียกตัวเองว่า หัตถ์พระเจ้า[4] จากการแข่งขันรายการนี้ในนัดพบทีมชาติกานา ที่ใช้มือป้องกันประตูช่วยให้ทีมอุรุกวัยผ่านเข้ารอบต่อไป ในปี 2011 ซัวเรซนำทีมชาติอุรุกวัยได้แชมป์โคปาอเมริกา ในการแข่งขันนี้ ซัวเรซได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม และยิงไปถึง 4 ประตู
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาวคนแรกที่เมืองบาร์เซโลนา ตั้งชื่อเธอว่าเดลฟีนา[5]
เนย์มาร์ ดา ซิลวา ซังตุส ฌูนีโอร์ (โปรตุเกสNeymar da Silva Santos Júnior; เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992) หรือรู้จักกันในชื่อเนย์มาร์ เป็นนักฟุตบอลชาวบราซิล ปัจจุบันเล่นอยู่กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและฟุตบอลทีมชาติบราซิลในตำแหน่งกองหน้า
ในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ในการแข่งขันรอบแรกนัดสุดท้าย เนย์มาร์เป็นผู้ยิงประตูแรกให้แก่บราซิล ที่พบกับแคเมอรูนในนาทีที่ 17 ซึ่งประตูนี้นับเป็นประตูที่ 100 ของทีมชาติบราซิล และนับเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกนัดที่ 100 ของบราซิลอีกด้วย[2]
แต่ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่บราซิลพบกับโคลอมเบีย แม้บราซิลจะเป็นฝ่ายชนะไป 2-1 แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังถึงขั้นร้าวเมื่อปะทะกับฮวน กามีโล ซูญีกา กองหลังของโคลอมเบียที่กระโดดเข้าใส่ที่หลัง ทำให้ต้องหยุดเล่นฟุตบอลโลกครั้งนี้ไว้แต่เพียงเท่านี้ ซึ่งในรอบต่อมาบราซิลก็เป็นฝ่ายแพ้ต่อเยอรมนีไปถึง 1-7 ประตู ทำให้หมดสิทธิที่จะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ[3]

เลียวเนล อันเดรส "เลโอ" เมสซี กูซีตีนี (สเปน: Lionel Andrés "Leo" Messi Cuccitini[5] เสียงอ่าน: [ljoˈnel anˈdɾes ˈmesi]) เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1987 เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา ปัจจุบันเล่นอยู่ในสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ในตำแหน่งกองหน้าหรือปีก เขายังถือสัญชาติสเปนอีกด้วย ซึ่งทำให้เขาถือว่าเป็นนักฟุตบอลยุโรป เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา[6][7][8]และมักถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้เล่นร่วมสมัยที่ดีที่สุดในโลก[9]
เมสซีได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีเมื่อเขาอายุ 21 ปี และได้รับรางวัลในปี ค.ศ. 2009 (นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ค.ศ. 2009)[9][10][11][12]และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2010[13] ,2011 และ 2012 สไตล์การเล่นของเขาและความสามารถ มักถูกเปรียบเทียบเสมอเดียโก มาราโดนา ซึ่งพูดถึงเมสซีว่าเป็นผู้สืบทอดจากเขา[14][15]
เมสซีเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อยและบาร์เซโลนาก็ค้นพบแนวโน้มที่ดีของเขาอย่างรวดเร็ว เขาออกจากทีมเยาวชนสโมสรกีฬานิวเวลส์โอลด์บอยส์ เมืองโรซารีโอ เมื่อปี ค.ศ. 2000 และย้ายพร้อมครอบครัวไปอยู่ยุโรป โดยบาร์เซโลนาเสนอในการรักษาภาวะขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโตให้กับเมสซี เขาเปิดตัวครั้งแรกในฤดูกาล 2004–05 โดยทำลายสถิติทีม โดยเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีก เกียรติประวัติในฤดูกาลแรกของเขาคือชนะการแข่งขันในลาลีกา และชนะครั้งที่ 2 ในลีก รวมถึงในแชมเปียนส์ลีก ในปี ค.ศ. 2006 ฤดูกาลแจ้งเกิดของเขาคือฤดูกาล 2006–07 เขาเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว โดยทำแฮตทริกในเอลกลาซีโก จบฤดูกาลยิงประตู 14 ประตู ใน 26 เกมในลีก จากนั้นเมสซีก็ประสบความสำเร็จที่สุดในอาชีพของเขาในฤดูกาล 2008–09 ยิงประตู 38 ประตู เป็นส่วนสำคัญของทีมในการชนะ 3 รายการในฤดูกาลเดียว แต่แล้วสถิตินี้ก็ถูกบดบังไปในฤดูกาลถัดมา ฤดูกาล 2009–10 ที่เมสซียิงประตูไป 47 ประตูในทุกการแข่งขัน เทียบเท่าสถิติของโรนัลโดที่เคยทำให้กับบาร์เซโลนา แต่เขาก็ทำลายสถิตินี้ในฤดูกาล 2010–11 กับประตู 53 ประตูในทุกการแข่งขัน แต่สถิติการยิงประตูสูงสุดของเมสซี่เกิดขึ้นในฤดูกาลถัดมา คือฤดูกาล 2011-12 ซึ่งเขายิงประตูรวมในทุกการแข่งขันได้ถึง 82 ประตู [16] และในปี 2012 นี้ เมสซี่ยังสามารถทำลายสถิติยิงมากที่สุดใน 1 ปีปฏิทินของเกิร์ด มึลเลอร์ ซึ่งทำไว้ที่ 85 ประตูใน 1 ปีตั้งแต่ปี 1972 โดยเมสซี่ได้ทำสถิติใหม่ไว้สูงถึง 91 ประตู ใน 1 ปี ปฏิทินเลยทีเดียว [17]
เมสซีเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะเลิศในลาลีกา 7 ครั้ง แชมเปียนส์ลีก 4 ครั้ง โดยยิงประตูได้ 2 ประตูในนัดตัดสิน ในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งในปี ค.ศ. 2009 และ 2011 โดยเป็น Man of the match ในปี 2011 ด้วย อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญกับทุกประตูในนัดชิงชนะเลิศปี 2015 กับยูเวนตุส เขาไม่ได้ลงสนามในนัดที่บาร์เซโลนาชนะอาร์เซนอลในปี ค.ศ. 2006 เนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็ได้รับเหรียญทองในฐานะผู้ชนะในการแข่งขัน
หลังจากยิง 12 ประตูในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2010–11 ทำให้เมสซีเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูได้สูงสุดใน 1 ฤดูกาลเทียบเท่า รืด ฟัน นิสเติลโรย และยิงประตูรวมสูงสุดในแชมเปี้ยส์ลีกอันดับ 3 รองจากเกิร์ด มึลเลอร์และฌ็อง-ปีแยร์ ปาแป็ง เมสซี่ทำลายสถิติยิงสูงสุดใน 1 ฤดูกาลขึ้นครองสถิติคนเดียวในฤดูกาลถัดมา คือ 2011-12 ด้วยจำนวนประตู 14 ประตูใน 1 ฤดูกาล และนั่นทำให้เมสซีเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในแชมเปียนส์ลีก 4 ปีติดต่อกัน หลังจากที่แชมเปียนส์ลีกเปลี่ยนระบบการแข่งขันในปี ค.ศ. 1992[18] ในฤดูกาล 2014-15 เมสซี่สามารถทำลายสถิติยิงประตูสูงสุดในแชมเปี้ยนส์ลีกของราอุล กอนซาเลซ ที่ทำไว้ 71 ประตูลงได้ และครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของแชมเปี้ยส์ลีกร่วมกับคริสเตียโน โรนัลโด้หลังจบฤดูกาล 2014-15 ที่ 77 ประตู [19]
เมสซีนำทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดเยาวชน U20 ชนะเลิศถ้วยฟุตบอลเยาวชนโลก หรือการแข่งขันยูทแชมเปียนชิป ปี 2005 โดยเป็นผู้ทำประตูสูงสุด กับ 6 ประตู รวมถึง 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ และได้รับรางวัลโกลเด้นบอลหรือผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นท์ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดใหญ่ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา และในปี ค.ศ. 2006 เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินาที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นในฟุตบอลโลก และได้ตำแหน่งรองชนะเลิศไปในโคปาอเมริกาในปี ถัดมา และในปี ค.ศ. 2008 ที่ปักกิ่งเขาได้รับเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ในนามของฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ในปี 2014 เมสซี่นำทีมชาติอาร์เจนตินาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกกับทีมชาติเยอรมัน แต่แพ้ไป 1 ประตูต่อ 0 ในช่วงต่อเวลาอย่างน่าเสียดาย ได้เพียงแค่ตำแหน่งรองชนะเลิศ และในปี 2015 เขาก็พาทีมชาติอาร์เจนตินาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศโคปาอเมริกา กับทีมชาติชิลี แต่เสมอกันทั้งในเวลาและช่วงต่อเวลา และที่สุดก็ต้องแพ้ดวลจุดโทษไปอย่างน่าเสียดายอีกเช่นกัน ซึ่งทั้ง 2 รายการหลังนี้เมสซี่ได้รับรางวัลโกลเด้นบอลและผู้เล่นทรงคุณค่าของทัวร์นาเม้นท์ด้วย
เกลาดีโอ อันเดรส บราโบ มูโญซ (สเปนClaudio Andrés Bravo Muñoz) เกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2526 เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวชิลีที่เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและฟุตบอลทีมชาติชิลีในตำแหน่งผู้รักษาประตู เขายังเป็นกัปตันทีมชาติชิลีด้วย
เขาเริ่มอาชีพนักฟุตบอลโดยเล่นให้กับโกโล-โกโล แล้วย้ายไปเรอัลโซเซียดัดในปี พ.ศ. 2549 เขาลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมด 237 นัดกับเรอัลโซเซียดัด และบาร์เซโลนาก็ได้ทำสัญญากับเขาด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโรในปี พ.ศ. 2557
บราโบลงเล่นให้กับทีมชาติชิลีทั้งหมด 87 นัด นับตั้งแต่ที่เขาได้ลงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 และได้เข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก 2 ครั้ง และโกปาอเมริกา 3 ครั้ง ปัจจุบันเขาเป็นผู้เล่นที่ลงเล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลทีมชาติชิลี
บราโบสร้างผลงานไว้มากมายเมื่อย้ายมาสโมสรบาร์เซโลนาในฤดูกาล 2014-15 ด้วยการคว้าแชมป์ลาลีกา ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก และโกปาเดลเรย์และเขายังประสบความสำเร็จกับทีมชาติชิลีในการคว้าแชมป์โกปาอเมริกา ใน พ.ศ. 2558 ด้วยการดวลจุดโทษชี้ชะตา หลังจากเล่นจบ 120 นาที บราโบเป็นคนเชฟจุดโทษ 2ลูก จากการดวษจุดโทษทั้งหมด 5 ครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

ประวัติ ชนาธิป สรงกระสินธ์


สิบตำรวจตรี ชนาธิป สรงกระสินธ์ (ชื่อเล่น: เจ) หรือเป็นที่รู้จักในฉายา เมสซี่เจ เกิดวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2536 เป็นนักฟุตบอลชาวไทยของสโมสรฟุตบอลบีอีซี-เทโรศาสน โดยในปัจจุบันย้ายมาเล่นให้กับสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในไทยพรีเมียร์ลีกด้วยสัญญายืมตัว
ชนาธิปเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของทีมชาติไทย ที่ วินเฟรด เชเฟอร์ เรียกตัวเข้าไปในการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 โดยได้ตำแหน่งรองแชมป์ และเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ได้เหรียญทองในซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศพม่า รวมถึงได้อันดับ 4 การแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2014 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014

 

Funny Football - รวมฮา รวมความผิดพลาดของนักฟุตบอล


รวมคลิปฮาๆ ท่านไดต้องการความขำแบบขี้แตกขี้แตนก็ลองดู รับรองว่าฮา